Harry Potter short fic ความผิดพลาดของเดรโก (เดร/เฮอร์)
มีบางอย่างที่เขาต้องทำเพื่อให้เธอกลับคืนมา เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วและไม่สนใจอะไรอีกไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือสายเลือด เขาต้องการเพียงอย่างเดียว คือเธอเท่านั้น
ผู้เข้าชมรวม
6,822
ผู้เข้าชมเดือนนี้
17
ผู้เข้าชมรวม
เรื่องความผิดพลาดของเดรโก
ฟิคแปล(ขออภัยจำชื่อคนแต่งไม่ได้แล้วถ้าใครรู้ช่วยบอกด้วยนะจะได้ลงเครดิตให้เขาได้)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เรื่อง ความผิดพลาดของเดรโก
“เบลส ฉันกำลังจะคลั่งอยู่แล้วนะ” เดรโกร้องครางในขณะที่เอนตัวพิงเก้าอี้ และเขาปิดตาลงด้วยเรื่ยวแรงที่เหนื่อยอ่อน
“มันเป็นความผิดของนาย” เบลสพูดแบบช่วยอะไรไม่ได้
เดรโกร้องครางและเขียนตัวหนังสือหวัดๆลงบนกระดาษ เขาร่ายมนต์ให้มันบินเหมือนนกไปที่โต๊ะของเฮอร์ไมโอนี่ เธอเปิดกระดาษออกดู และใช้เวลาอ่านมันสักครู่ จากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ฉีกมันออก และเธอปัดส่วนที่เหลือออกอย่างเบาๆด้วยไม้กายสิทธิ์ของเธอ เดรโกส่งเสียงครางและเบลสหยุดหัวเราะไม่ได้ที่เห็นเธอทำอย่างนั้น
เสียงหัวเราะของเบลสทำให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลย์หยุดจดงานบนกระดานแล้วหันมาทำหน้าตาถมึงถึงใส่ เบลส ซาบินี่ เพื่อนรักของเจ้าชายแห่งบ้านสลิธลีนทันที
“เบลส! คุณมีอะไรที่อยากจะพูดใช่ไหม?”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลย์ถามขึ้นและชำเลืองดูเบลส ซาบินี่ เบลสเปิดปากเงียบในทันที เขาส่ายหัว ในขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหันกลับไป เธอยังคงจดบันทึกบนกระดาน เดรโกพยายามอย่างหนักที่จะกลั้นเสียงหัวเราะแต่ก็ล้มเหลว เสียงหัวเราะคิกคักของเขาดังขึ้นพอที่ศาสตราจารย์ผู้สอนจะหันกลับมาอีกครั้ง
“เดรโก!”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตะโกนพร้อมกับโยนหนังสือเรียนลงบนโต๊ะ และจ้องไปที่เด็กผู้ชายทั้งสอง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนในห้องเรียนหันมามองและอมยิ้มให้พวกเขาอย่างสะใจ ทุกคนยิ้มยกเว้นแต่เฮอร์ไมโอนี่ที่จ้องพวกเขาเขม็ง และส่ายหัวของเธอ เมื่อเธอหันกลับไป เดรโกโขลกหัวลงบนโต๊ะ และหยิบปากกาขนนกออกมาเพื่อเขียนบางสิ่งลงบนกระดาษ เขาแทบจะไม่ขยับหัวออกห่างจากโต๊ะเลย
“บ้าที่สุด! แค่พูดกับจินนี่เท่านั้น” เบลสก้มหัวและกระซิบพูดกับเดรโกทำให้เดรโกต้องลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ
“ว่าไงนะ! ฉันจะไม่ขอความช่วยเหลือจากวิสลีย์! ยายเด็กหัวแดงคนนั้นโดยเด็ดขาด” เดรโกท้วงโดยการกระซิบเบาๆไปให้เบลส เขาเห็นรอนจากทางหางตา รอนกำลังส่งสายตามุ่งร้ายให้แก่เขา เดรโกยักไหล่เหมือนไม่แยแส เขาถอนหายใจ และเอนหัวลงบนโต๊ะอีกครั้ง
และแล้วชั่วโมงเรียนก็สิ้นสุดลง เดรโกเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นจากที่นั่ง สิ่งที่เขาคิดก็คือ เขาจะต้องเข้าถึงตัวเฮอร์ไมโอนี่ให้ได้เพื่อขอโทษเธอ แต่กว่าที่เขาจะไปถึงที่โต๊ะที่มีเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งปาดหน้าเขาหายไปจากห้องเรียบร้อยแล้วเขาวิ่งออกไปอย่างเร็วโดยไม่สนใจเสียงเรียกด้วยความเป็นห่วงจากเบลสและเสียงโวกเวกจากรอน
“เฮ้ย เดรกใจเย็นสิเพื่อน”
“นายจะตามเฮอร์ไมโอนี่ไปไหนนะมัลฟอย กลับมานะ”
“เกรนเจอร์!” เขาตะโกนเรียกเธอ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลืนหายไปกับฝูงชนอย่างช้าๆ
“เกรนเจอร์! ฉันขอโทษ!” เขาเรียกแต่เธอไม่หยุด เดรโกย่ำเท้าก้าวต่อไปโดยไม่หยุด ในไม่ช้าก็มีผู้คนจำนวนมากที่ขวางทางระหว่างเขากับเธอ
“หมดหวัง หนีไปได้อีกตามเคย “เขาคิดพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เขาเดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆเพื่อไปเรียนวิชาเวทย์มนตร์คาถาตอไป
เขาเข้าไปในห้องเรียนและกระแทกตัวลงสู่เก้าอี้ พร้อมกับโยนหนังสือลงบนโต๊ะจนทำให้เกิดเสียงดังข้างๆที่เบลสนั่งอยู่
“ไปได้ไม่สวยหรือไง?” เบลสถาม และเดรโกรู้สึกคล้ายว่าเขากำลังหายใจไม่ออก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดเรื่องแบบนี้!” เขาท้วง และเบลสร้องครางออกมา
“ฉันรู้ ฉันคิดว่าใครๆก็ผิดพลาดกันได้ แม้แต่เจ้าชายผู้สูงศักดิ์แห่งสลิธลีนก็ตาม” เบลสพูดจาเยาะเย้ยในขณะที่เอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ เดรโกยกแขนของเขาขึ้นจนเกือบจะรอบคอของเบลสเพื่อหักคอเบลสด้วยมือของเขา แต่ศาสตราจารย์ฟลิตวิต เข้ามาในห้องเรียนเสียก่อนทำให้เดรโกปล่อยมือของเขาออกจากคอของเบลส
“โอ้! พระเจ้าช่วย อาจารย์ช่วยฉันไว้ได้ทัน!” เบลสพูดอย่างโล่งอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและหัวเราะเบาๆ เดรโกกลับไปนั่งที่ และเขาก็ไม่คิดสนใจที่จะเรียนอีกในเมือสิ่งที่เขากำลังคิดถึงคือเด็กบ้าเรียน ยายรู้มาก แห่งบ้านกริฟฟรินดอร์ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
ชั่วโมงเรียนจบลง และเดรโกเป็นคนแรกที่ออกไปจากห้อง เขาวิ่งไปที่ห้องโถงและในทันทีเขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่ เขาวิ่งข้ามโต๊ะไปทันได้ยินบทจบสนทนาระหว่างเธอกับจินนี่
“กินอะไรหน่อยนะ” จินนี่ขอร้องแต่เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัว
“ฉันไม่หิว” เธอแย้ง
“แต่ ฉันได้ยินเสียงท้องของเธอร้องนะ” จินนี่หัวเราะเยาะ และ เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากของเธอแน่นพร้อมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายกับสาวน้อยผู้รู้มากอย่างจินนี่
“เอาอีกแล้ว”เฮอร์ไมโอนี่ร้องครางเมื่อจินนี่จูงมือให้เด็กสาวรุ่นพี่มานั่งข้างๆเธอ
“เขาไม่น่าจะทำให้เธอเจ็บใจได้อย่างนั้นนะ!” จินนี่พูดเสียงดังจนทำให้คนที่อยู่รอบตัวเธอเงียบลง และฟังสาวน้อยทั้งสองคุยกัน เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ เธอมองไปที่จานผลไม้ตรงหน้าเธอที่จินนี่ยื่นมาให้และกินมันไปได้สองสามคำ
“นั่นซิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดฝืนๆและยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปเรียนวิชาต่อไป “ฉันว่า ฉันอิ่มแล้ว ฉันคงต้องไปเรียนแล้วล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้ายิ้มเศร้าๆ และแทบจะในทันทีที่จินนี่ร้องอุทานเรียกชื่อคนที่เธอไม่อยากได้ยินออกมาเสียงลั่น
“มัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไป และหยุดชะงักเมื่อเธอเห็นเดรโก เธอเปลี่ยนสีหน้าของเธอในทันทีจากอาการตกใจเป็นรำคาญใจ และเธอเริ่มเดินหนีเขาอีกครั้ง
“เกรนเจอร์ หยุดก่อน!” เดรโกเรียก เขากำลังวิ่งตามเธอลงไปที่ห้องโถงรวม เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ผลุนพลันออกไปยังห้องสมุด เดรโกตามเธอไปตลอดทาง ออกไปสู่บันได
และเมื่อเดรโกเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเขาเร่งฝีเท้าจนทันเธอและดึงแขนของเธอให้หมุนมาหาเขาแล้วกอดเธอไว้แน่น เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนจากอ้อมกอดที่รัดเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยฉันนะ ฉันเกลียดนาย คนเห็นแก่ตัว”เธอร่ำร้อง ตัวสั่นด้วยความโกรธในอ้อมแขนของซีกเกอร์หนุ่มแห่งบ้านสลิธลีน
“เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลยนะ ฉันแค่พยายามจะปกป้องเธอ” เขาตะโกน มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่หยุดชะงัก เธอหันมาที่เขา สีหน้าของเธอทำให้เดรโกผงะถอยเล็กน้อยแต่ยังคงกอดกระชับเธอไว้แน่น และมันทำให้หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เขาเริ่มวิตกถึงชีวิตของเขาแล้วในตอนนี้
“แค่พยายามปกป้องฉันยังงั้นเหรอ?” เธอพูดแยกเขี้ยวไปทางเดรโก
“ดีเลย ดีนะที่ได้รู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกของฉัน คนไร้ความรู้สึก” เธอตะโกนและเริ่มร้องไห้เบาๆพลางดันตัวเธออกไปจากเขาอีกครั้ง แต่ไม่เป็นผลเขาดันศีรษะของเธอให้พิงกับไหล่ของเขาและเริ่มจุมพิตที่ข้างแก้มนวลนั้นเบาๆกลิ่นหอมอ่อนๆราวเด็กทารกแรกเกิดของเธอมันทำให้เด็กหนุ่มโหยหาอยากสัมผัสกลิ่นแก้มนวลนั้นทุกวันๆ เพียงแค่สี่ห้าวันที่เธอโกรธเขาแต่สำหรับเขามันเหมือนชั่วกัปชัวกัลป์ มันทำให้เขาร้อนรุ่ม เขารู้แล้วว่าถ้าเขาจะตายมันง่ายเสียกว่าที่จะให้เธอจากเขาไป
เดรโกกระชับร่างบางให้แน่นขึ้นอีกนิดเขาหอมแก้มเธออีกครั้งเพื่อหวังกับกำลังใจที่จะพูดงอนง้อเธอต่อไปเขากระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆและหวังจะให้เธอเข้าใจ
“เฮอร์ไมโอนี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะ...” เดรโกเริ่มพูด
“ที่จะอะไรล่ะ ที่จะถูกจับได้เหรอไง?” เฮอร์ไมโอนี่พูดแทรกขึ้นมาและเธอเริ่มรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่างจากร่างกายของเธอ มันได้ผลเดรโกเซไปสองสามก้าวในขณะที่ตัวเธอเกือบๆจะล้มถ้าไม่มีราวบันไดประคองตัวเธอเอาไว้เสียก่อน แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจเมื่อเธอประคองตัวเองได้แล้วเธอรีบพูดต่อไปเหมือนกลัวว่าเธอจะไม่กล้าพูดมันออกมาอีกแล้ว
“ถ้านายไม่เป็นลูกผู้ชายพอ กับความสัมพันธ์ครั้งนี้ แล้วทำไม นายไม่ไปให้ห่างๆฉันล่ะ!” เธอตะโกน และ เดินจากไป ปล่อยให้น้ำตาเปื้อนทั่วทั้งหน้าของเธอ
ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนต่อว่าเดรโก มีนักเรียนที่เสร็จจากการรัปทานอาหารจากห้องโถงใหญ่เตรียมตัวทยอยเดินออกมากันบ้างแล้ว พวกเขาหยุดเดินและมองทั้งสองคนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เดรโกยังยืนนิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เพราะหัวใจของเขาไม่อาจรับมันไหว ผู้คนรวมตัวกันรอบๆเขารวมไปถึงศาสตราจารย์บางคนด้วย
“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์!” ศาสตราจารย์สเนปตะโกนเรียกจากบันไดด้านบน ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังจะเดินผละจากไปหันกลับมาพร้อมกับน้ำตาที่กลั่นออกมาจากใจเธอ หยดน้ำตามากมายซึ่งแสดงถึงสิ่งที่เดรโกเพิ่งจะกระทำต่อเธอ ขณะเดียวกันเดรโกรู้สึกว่า หยดน้ำตาของเขาก็กำลังเอ่อไหลออกจากดวงตาของเขาเช่นกัน เขารู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังแตกสลายลงที่นี่ ตรงที่ที่เขายืนอยู่
“มีอะไรคะ ศาสตราจารย์?” เธอตอบกลับไปพร้อมเสียงสะอื้นล็กน้อย
“ฉันจะไม่ทนกับสิ่งที่เธอพูด! กักบริเวณ!” เขาตะโกน เฮอร์ไมโอนี่ผงกหัวรับและมุ่งหน้าเดินไปยังห้องสมุดอีกครั้ง น้ำตายังคงเปื้อนใบหน้าของเธอ
เดรโกรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เขาทำแต่แล้วความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสมองของเขา เขายิ้มกับตัวเองเพราะไม่อาจรอคอยชั่วโมงเรียนต่อไปของเขาได้
เขาหันกลับไป ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยขณะที่เขาหันไปเห็นจินนี่ที่ยืนมองเขาเขม็งเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อเขา
“คนโง่!” จินนี่ตะโกนใส่หน้าเขา และ เดรโกก็ต้องตกตะลึงโดยอัตโนมัติ ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ ถ้าไม่นับรวมผู้หญิงคนเดียงของเขา เฮอร์ไมโอนี่ ก็ไม่มีใครเคยกล้าที่จะทำแบบนี้กับเขามาก่อน
“อะไรนะ?” เขาถามด้วยความงุนงง และ ใบหน้าของจินนี่ในตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเหมือนเนือในของลูกแตงโม
“เธอถูกกักบริเวณเพราะนาย!” จินนี่ตะโกนใส่เขาแต่เดรโกกลับหัวเราะเยาะใส่หน้าเด็กสาวผมแดงน้องเล็กตระกูลวิสลี่ส์แทน
“ฉันไม่ได้บังคับให้ยายนั่นพูดแบบนั้นสักหน่อย” เขาพูดไปทั้งๆที่รู้ว่าเขาทำผิด จินนี่สูดลมหายใจลึก และ โดยไม่ลังเล เธอยกมือขึ้นตบหน้าเขา ภายนอกห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงปรบมือจากบ้นกริฟฟินดอร์และบ้านอื่นๆยกเว้นสลิธลีน จินนี่ยิ้มอย่างพอใจ และเธอเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่ห้องสมุด
“จินนี่ วีสลีย์! เธอถูกกักบริเวณเช่นกัน!” สเนปตะโกนไล่หลังเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
“ได้ค่ะ” เธอยิ้ม และออกวิ่งไปที่ห้องสมุดอย่างเร็ว เดรโกยืนนิ่งเขากำลังมึนงงกับเหตุการณืที่รวดเร็วนั้น และพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เดาว่านายไม่ได้เก่งเท่ากับที่นายอ้างว่านายเป็นเลยนะมัลฟอย ให้ผู้หญิงต่างบ้านถึงสองคนตะโกนด่ากับตบหน้าเนี่ยนะ!” สลิธิรีนร่างสูงปีหกคนหนึ่งหัวเราะเยาะเขา เดรโกตวัดสายตามอง เดรโกรู้สึกว่ามือของเขากำลังกำหมัดแน่น นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมจะให้ดำเนินการตามแผนการที่เขาวางไว้ในใจ
”โอ้ ระวังให้ดียายเด็กหัวฟูกับยายเด็กผมแดงนั่น อาจจะกลับมาซัดนายอีกรอบก็ได้!” เด็กผู้ชายจากบ้านสลิธิรีนคนเดิมหัวเราะ เดรโกไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากความร้อนที่ถาโถมเข้ามาบนใบหน้าขาวซีดของเขา เขาหันกลับไปและต่อยเด็กผู้ชายคนนั้นที่ใบหน้าอย่างจัง จนเด็กชายที่ปากเสียล้มคว่ำไม่เป็นท่าเพียงหมัดเดียว
“เกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนนี้กันเนี่ย” สเนปตะโกน พร้อมกับเข้ามาคว้าตัวเดรโกออกไป
“กักบริเวณ มัลฟอย!” เขาตะโกน และเดรโกผงกหัวรับ เขามองไปที่เด็กสลิธิรีนด้วยความสนุกสนานอย่างแท้จริง ในขณะที่เลือดไหลออกจากจมูกของคนที่เขาต่อย และมันหยดไปทั่วพื้น สเนปปล่อยให้เขาไป และเดรโกแทบจะทนรอการกักบริเวณไม่ได้ หรือในขณะที่เขาคิดถึงมัน...โอกาสที่จะได้อยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ตามลำพังใกล้จะเป็นความจริง
โดยที่เดรโกลืมนึกไปเสียสนิทว่ามีมารชิ้นโต อย่างจินนี่ร่วมกักบริเวณด้วยเช่นกัน
เวลาของวันนี้ยังไม่จบสิ้น และ เดรโกนั่งคอยให้เวลาผ่านไป เพื่อที่เขาจะได้พบเฮอร์ไมโอนี่ตามลำพัง ในที่สุดมันก็ถึงเวลา 7 นาฬิกา และเขาเป็นคนแรกที่อยู่นอกห้องเรียนปรุงยา เขารอให้สเนปปล่อยให้เขาเข้าไปในห้อง และเริ่มเขียนประโยคที่ต้องเขียน 100 ครั้งบนกระดาษ
เวลาต่อมาเฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่เดินเข้ามาในห้องที่เขาคอยเธออยู่ และเดรโกร้องครางอย่างผิดหวังเพราะเขาลืมไปว่าจินนี่จะอยู่ที่นี่ด้วย เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ท้ายห้องอีกด้านหนึ่ง และ หยิบกระดาษหนังของเธออกมา สเนปสั่งให้จินนี่นั่งอยู่หลังห้อง และให้เธอเริ่มลงมือเขียน
“ฉันจะกลับมาใน 1 ชั่วโมง และฉันหวังว่ามันจะเสร็จ” สเนปพูด และเดินออกไปจากห้อง เดรโก มองไปที่เฮอร์ไมโอนี่ในทันที
“ฉันเสียใจจริงๆ เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดอีกครั้ง
“ฉันไม่ใส่ใจหรอก มัลฟอย” เธอพูดและยังคงเขียนต่อไป
“ได้โปรดให้อภัยฉัน” เขาร้องขอ
“ไม่มีทางหรอกมัลฟอย” เธอพูด และเดรโกถอนหายใจ เขากำลังคิดอย่างรวดเร็วว่าจะทำอะไรได้บ้างในตอนนี้
“ฟังนะ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด
” เขาเริ่มพูด เฮอร์ไมโอนี่หันหัวของเธออย่างช้าๆเผชิญหน้ากับเขา
“ผิดเหรอ? แค่ผิดใช่ไหม?” เธอถามเริ่มโกธรมากขึ้น
“ปัญญาอ่อน” จินนี่หัวเราะเย้ยหยัน และเดรโกเอนหลังพิงเก้าอี้เล็กน้อย
“นายทำลายความรู้ลึกฉันเพราะเพื่อนของนายไม่ชอบฉัน แล้วนายก็ทำมันอีกต่อหน้าฉัน!” เธอพูดแยกเขี้ยวใส่เขา เดรโกกัดริมฝีปากของเขาอย่างใช้ความคิด
“ฟังนะ ฉันรู้ว่ามันแย่แต่เราตกลงกันแล้วว่าเราจะไม่บอกใคร” เขาพยายามต่อสู่ แต่เขาพ่ายแพ้ไปเรียบร้อยแล้วและเขาก็รู้ดี
“นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านายจะปากเสียใส่ฉันได้ และอย่างน้อยที่สุด นายไม่พยายามที่จะดีต่อฉันทุกเวลาแม้กระทั่งในเวลาที่เราอยู่กันตามลำพัง แล้วมันจะสำคัญอะไรล่ะ?” เธอถามเขา เดรโกไม่มีคำพูดอะไรนอกจากความเสียใจที่เขาเคยทำผิดกับเธอ
“ฉันคิดว่าฉันทำให้นายเปลี่ยนไปได้มัลฟอย แต่นายก็เป็นแค่ตัวเฟอร์เร็ตงี่เง่าที่ใส่ใจตัวเองมากกว่าคนอื่น” เธอพูดเบาๆ และหันกลับไปยังกระดาษหนังอีกครั้ง
“ฉันแคร์เธอนะเฮอร์ไมโอนี่” เขาพยายามพูด
“ไม่! นายไม่สนใจฉันหรอก เพราะถ้านายแคร์ฉันบ้าง ถึงแม้ว่าเราจะต้องเก็บบางอย่างไว้เป็นความลับก็ตาม แต่นายก็ไม่น่าจะต้องหาวิธีที่จะทำร้ายจิตใจของฉันด้วยคำพูดต่างๆและวิธีการต่างๆของนาย” เธอพูดช้าๆโดยไม่ละสายตาไปจากกระดาษหนังของเธอ และเดรโกเห็นน้ำตาที่ไหลรินลงบนกระดาษ
“เธอไม่คิดว่าเธอทำเกินไปเหรอไง” เขาถาม มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในสิ่งที่เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่ยืนขึ้น และเดินออกไปจากห้องทันที เดรโกถอนหายใจ วางหัวของเขาลงบนโต๊ะ
“นายเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ที่โง่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ!” จินนี่ตะโกน และเดรโกเงยหน้ามองเธอ
“แล้วฉันควรทำยังไงล่ะ” เขาถามเสียงอ่อนลง จนจินนี่ถอนหายใจ
“แสดงให้เธอรู้ว่านายรักเธอสิ” จินนี่แนะเสียงเย็นชา เธอไม่ชอบเขามากนักแต่เธอก็ทนเห็นพี่สาวที่เธอรักช้ำใจแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างการง้องอนของเดรโกที่ผ่านๆมามันทำให้เธอได้รู้ว่าเขารักเฮอร์ไมโอนี่จริงๆ เพียงแต่วิธีการที่เขาทำมันดูเหมือนไม่ถูกต้องก็เท่านั้น
“ยังไง?”เดรโกลุกขึ้นมาหาจินนี่ช้าๆที่หลังห้อง
“นายถามจริงๆใช่ไหม? นายคิดไม่ออกเหรอว่าจะทำให้เธอมีความสุขได้ยังไง?” เธอถามเดรโก จินนี่ส่ายหัวไปมากับชายหนุ่มตรงหน้ากับความซื่อบื้อของเขา จินนี่ไม่อยากจะนึกเลยว่าความรักบางครั้งก็ทำให้คนที่ชาญฉลาดเล่ห์ เหลี่ยมแพรวพราวอย่างเดรโก มัลฟอยตกอับจนคิดหาหนทางไม่ได้ ต้องมาถามเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ
“ไม่ ฉันจะรู้ได้ไงว่าต้องทำอะไร ทุกสิ่งที่ฉันทำผิดไปหมด!” เขาบ่นและนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านหน้าของจินนี่อย่างหมดหวัง
จินนี่พ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างเซ็งๆ เธอกอดอกและมองเดรโกอยู่นานก่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนเช่นเขาทีชอบทำเป็นประจำ
“ยังไงซะฉันก็จะไม่ช่วยนาย”จินนี่พูดออกมาอย่างเป็นต่อ
“ทำไมล่ะ”เขาตาเหลือกด้วยความตกใจถ้าจินนี่ไม่ช่วยเขาแล้วใครจะช่วยเขาได้ในคอนนี้ล่ะเขาไม่เห็นใครที่เหมาะสมเท่าเธออีกแล้ว
“เพราะนายไม่ได้ต้องการเธอมากพอ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยเธออยากดูปฎิกิริยาตอบสนองจากเขาถ้าเธอพอใจบางทีเธออาจจะช่วยเขาก็ได้
เดรโกทำสีหน้าเหมือนเขากำลังจะตายไปทุกขณะเมื่อมองหน้าเธอ
“จินนี่กำลังล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย ฉันไม่เคยต้องการอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว! ฉันทนไม่ได้ที่จะมีเธออยู่ในใจ ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันอยากจะมีเฮอร์ไมโอนี่ อยู่ในอ้อมแขนของฉัน ระหว่างอยู่ในห้องเรียนฉันแทบจะทนไม่ได้เวลาที่เห็นความสวยงามของเธอ ที่แผ่รังสีออกมาจากห้อง ฉันรักเธอและจะไม่ยอมแพ้โดยที่ฉันยังไม่ต่อสู้” เขาท้วงและจินนี่เงยหน้ามองด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ
“ตกลง ฉันจะช่วยนาย” เธอยิ้มและในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาชอบรอยยิ้มของเธอ
วันต่อมาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเดรโกเดินเข้าไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อไปทานอาหารเช้าด้วยความหวังว่าแผนการของจินนี่จะได้ผล เขานั่งลงถัดจากเบลส ที่กำลังเริ่มพูดถึงการบ้านทั้งหมดที่เขาต้องทำแต่เดรโกไม่ได้สนใจที่จะฟัง เดรโกมองผ่านทุกคนไปที่บ้านกริฟฟรินดอร์ ในขณะที่จินนี่กระซิบการะซาบกับเฮอร์ไมโอนี่ เขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าและหน้าตาบูดบึ้งในขณะที่จินนี่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่เธอก็หันมามองดูเดรโกเป็นระยะๆในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็ผุดยืนขึ้น และกำลังจะเดินออกไปจากห้องโถง
แผนการของจินนี่ล้มเหลว
เดรโกยืนขึ้นในทันทีเมื่อเขาเห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินออกไปจากห้องโถง เขามองไปที่เธอพร้อมกับตัดสินใจในทันที
“เฮอร์ไมโอนี่!” เขาตะโกนเรียกจนเสียงดังกึกก้องออกไปนอกห้องโถง
“มีอะไรอีกล่ะ” เธอถามในขณะที่หันกลับมามอง ตรงที่เขากำลังยืนอยู่บนโต๊ะ
“ฉันเบื่อที่จะต้องหลบซ่อนมันอีกต่อไปแล้ว เธออยากให้ทุกคนรู้และฉันกำลังจะบอกพวกเขา ฉันรักเธอ เฮอร์ไมโอนี่ และฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหนอีก” เขาตะโกน และ ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
ทั้งห้องจับจ้องเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความรู้สึกสงสัยร่วมกันว่า เธอจะทำอย่างไรต่อไป เฮอร์ไมโอนี่ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เธอเขินอายจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน เดรโกยิ้มกว้างให้เธอเมื่อเห็นดังนั้นและวิ่งตรงไปหาเธอ ก่อนจะเหวี่ยงแขนไปรอบๆเอวเธอและดึงตัวเธอให้มาประชิดกับตัวเขา
“ยกโทษให้ฉันจะได้ไหมเฮอร์ไมโอนี่” เดรโกกระซิบถามเธอ เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับอย่างเอียงอาย เธอจะต้องการอะไรอีกเล่าการที่เขาแสดงความปรารถณาในตัวเธอโจ่งแจ้งแบบนี้มันทำให้เธอรู้แล้วว่าเขารักเธอแค่ไหน เขาไม่สนใจบ้าน ไม่สนใจสายเลือด แค่นี้เธอก็ซึ่งใจจะแย่อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือ ความอับอายเพราะสายตาทุกคู่ล้วนจับมาที่เธอและเขาทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนพร้อมใจกันหยุดนิ่งอยู่กับที่ เหมือนพร้อมใจกันให้มีแต่เธอและเขาเท่านั้น
“ฉันรักเธอ เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกพูดเสียงดังจนเธอสะดุ้งเธอหันไปมองรอบตัวเธอทุกคนต่างยิ้มและมองดูเธอว่าจะตอบยังไง
“เราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะเดรโก”เฮอร์ไมโอนี่ประหม่าเธอดึงแขนเดรโกเพื่อให้ออกไปข้างนอกกับเธอแต่เดรโกกลับจับเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา
“ไม่ ฉันตามใจเธอแล้ว ดังนั้นเธอต้องตามใจฉันบ้าง บอกรักฉันสิ”
“อะไรนะ “เฮอร์ไมโอนี่ตกใจจนตาค้าง”บอกตรงนี้เหรอ”เดรโกยิ้มพยีกหน้าให้เธอแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับส่ายหน้าเธอถอยห่างออกจากเดรโกแล้วพยายามจะเดินหนีออกไปยังสถาณที่แห่งนั้น แต่มีหรือที่คนอย่างเดรโกจะยอมปล่อยเธอไปได้ง่ายๆ เขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าเธอไม่ยอมพูด ฉันจะต้องลงโทษเธอนะเฮอร์ไมโอนี่”เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบเธอพยายามก้มหน้าให้ต่ำที่สุดเพื่อหลบใบหน้าที่แดงกล่ำนี้เสียแต่เดรโกกลับจับใบหน้านั้นเงยขึ้นและในทันทีที่ริมฝีปากร้อนๆของเดรโกทาบทับลงมาที่ริมฝีปากสีชมพูของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก็แทบกลั้นหายใจ มีเสียงฮือฮากันอย่างพออกพอใจของเหล่าบรรดานักเรียนทั้งหลาย และเสียงเป่าปากของบรรดานักเรียนผู้ชายก็ตามมากันเป็นแถว
พระเจ้า นี่เธอกลังจูบอยู่กับ เดรโก มัลฟอย ท่ามกลางนักเรียนและคณาจารณ์ทั่วทั่งฮ๊อกว๊อตส์อยู่หร์อนี่ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเข่าอ่อน แต่เดรโกก็รับตัวเธอไว้โดยที่ริมฝีปากของเขายังควานหาความหวานทั่วริมฝีปากของเธออยู่ จนกระทั่งเดรโกพอใจเขาละออกจากริมฝีปากของเธอแล้วกระซิบถามอีกคร้ง
“ว่าไงจะพูดไหม ไม่งั้น” เดรโกพูดแล้วมองไปที่ริมฝีปากของเธอและประชิดริมฝีปากของเขาเข้าใกล้เธออีกครั้ง
แต่เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นมาเสียก่อนที่เขาจะทำตามอำเภอใจได้อีกครั้ง
“ฉันรักเธอ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบเสียงแผ่วแต่เดรโกส่ายหน้า
“ฉันไม่ได้ยินที่เธอพูดเลยเสียงดังหน่อยสิ”เขาแกล้งเธอๆรู้แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องยอมข่มความอายเมื่อเห็นเขาเตรียมจะทำโทษเธอแบบเดิมอีกรอบเฮอร์ไมโอนี่กลั้นลมหายใจนิดหน่อยก่อนเปล่งเสียงออกมาด้วยเสียงอันดัง
“ฉันรักเธอเดรโก”สิ้นเสียงของเฮอร์ไมโอนี่ทุกคนและทุกบ้านรวมทั้งคณาจารณ์บางคนร่วมใจกันตบมือและโห่ร้องแสดงความยินดีกับพวกเขาแทบจะทุกคน
เดรโกหันไปมองรอบๆและยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะก้มลงมาหาเธออีกครั้งและกระซิบบอกเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนบรรจงจูบเธออย่างนุ่มนวล
“ฉันก็รักเธอเช่นกันเฮอร์ไมโอนี่
แม้ว่าทั้งห้องกำลังจ้องมองและตบมือยินดีกับพวกเขาอยู่ แต่ในตอนนี้พวกเขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้วและพวกเขาก็ไม่ใส่ใจมันด้วย เพราะสิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือจุมพิตชั่วนิรันดร์ที่มีให้กันและกันเท่านั้น
************ จบ************
ผลงานอื่นๆ ของ คีอานู ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ คีอานู
ความคิดเห็น